วันจันทร์, กันยายน 17, 2561

อนุทินที่ 6




แบบฝึกหัด
 บทที่ 5 พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2546
1. ใบอนุญาตวิชาชีพทางการศึกษา มีวิชาชีพใดบ้างจำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพ อธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ วิชาชีพที่จำเป็นต้องมีใบประกอบวิชาชีพได้แก่ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น เนื่องจากใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษาที่เน้นที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จ เป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา เป็นกลไกหนึ่งที่จะพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพตามที่รัฐธรรมนูญที่ได้บัญญัติไว้
2. คุรุสภาตามพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจหน้าที่อะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ คุรุสภาตามพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
          1. กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
          2. ควบคุมความประพฤติและการดำเนินงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
          3. ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพ
          4. พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต
          5. สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาวิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
          6. ส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง และผดุงเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
          7. รับรองปริญญาประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรของสถาบันต่าง ๆ ตามมาตรฐานวิชาชีพ
          8. รับรองความรู้และประสบการณ์ทางวิชาชีพรวมทั้งความชำนาญในการประกอบวิชาชีพ
          9. ส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ



3. สมาชิกคุรุสภาตามพระราชบัญญัตินี้ประกอบด้วยใครจำนวนเท่าไร จงอธิบาย
ตอบ สมาชิกคุรุสภาตามพระราชบัญญัตินี้ประกอบด้วย
          1. ประธานกรรมการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงด้านการศึกษา มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือกฎหมาย
          2. กรรมการโดยตำแหน่งประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นจำนวน 8 คน
         3. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและ
ประสบการณ์สูงด้านการบริหารการศึกษา การอาชีวศึกษา การศึกษาพิเศษ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกฎหมายด้านละ 1 คน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องเป็นผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นครู ผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้บริหารการศึกษาไม่น้อยกว่า 3 คน
         4. กรรมการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์หรือการศึกษา
ซึ่งเลือกกันเองจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐจำนวน 3 คน และจากสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจำนวน 1 คน
         5. กรรมการ จากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเลือกตั้งมาจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
จำนวน 19 คน
         6. ให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นเลขานุการ
4. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพมีอำนาจบทบาทหน้าที่อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพมีอำนาจบทบาทหน้าที่ดังต่อไปนี้
        1. พิจารณาการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต
        2. กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
        3. ส่งเสริม พัฒนา และเสนอแนะคณะกรรมการคุรุสภากำหนดมาตรฐานและจรรยาบรรณ
        4. ส่งเสริม ยกย่อง และพัฒนาวิชาชีพไปสู่ความเป็นเลิศในสาขาต่างๆตามที่กำหนด
        5. แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการหรือมอบหมายกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
        6. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
        7. พิจารณาหรือดำเนินการในเรื่องอื่นตามที่รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการคุรุสภามอบหมาย
5. กฎหมายได้บัญญัติไว้ยกเว้นใครบ้างในการประกอบวิชาชีพควบคุม จงอธิบาย
ตอบ การห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุมนอกจากกรณีใดกรณีหนึ่งดังนี้
        1. ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งเป็นคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา
        2. ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนในบางครั้งหนึ่งทำหน้าที่สอนด้วยเช่น
ครูภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะสอนวิชาเพลงบอก หนังตะลุง เป็นต้น
        3. นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือพูดให้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน
        4. ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัยเช่น กลุ่มสนใจอาชีพต่าง ๆ
        5. ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542
        6. คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน เช่น ตำแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ หรืออธิการบดี
        7. ผู้บริหารระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
        8. บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนดเช่นพระภิกษุที่ทำหน้าที่สอนนักบวชในศาสนาอื่น
6. หลักเกณฑ์ในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกำหนดไว้อย่างไร
ตอบ    1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
          2. มีวุฒิปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณสมบัติอื่นตามที่คุรุสภารับรอง
          3. ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนดลักษณะต้องห้าม
         1. เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
         2. เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
         3. เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่คุรุสภานะว่ามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
7. มาตรฐานวิชาชีพของผู้รับใบอนุญาตมีกี่มาตรฐานอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ มาตรฐานวิชาชีพของผู้รับใบอนุญาตมี 3 มาตรฐาน คือ
         1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
         2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน
         3. มาตรฐานการปฏิบัติตน
8. ถ้าท่านเป็นผู้รับใบอนุญาตวิชาชีพทางการศึกษาจะมีวิธีการพัฒนาตนเองสู่มาตรฐานวิชาชีพได้อย่างไร อธิบายและยกตัวอย่าง
ตอบ เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีลักษณะต้องห้าม อีกทั้งยังต้องมีความรู้และ
ประสบการณ์วิชาชีพตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด เป็นบุุคลที่ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ค้นหาคุณค่าของตัวเอง และปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างผลงานของตนเองให้มีชื่อเสียง การถ่ายทอดความสามารถพิเศษให้แก่ลูกศิษย์ การเข้าร่วมการประกวดหรือแข่งขันทางการศึกษา
9. บทกำหนดโทษผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณวิชาชีพมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ บทกำหนดโทษผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณวิชาชีพมีดังนี้
         1. ผู้ใดฝ่าฝืนโดยประกอบวิชาชีพควบคุมคือ วิชาชีพครู วิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา วิชาชีพผู้บริหารการศึกษา และวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น โดยไม่ได้รับใบอนุญาตในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าฝ่าฝืนมาตรา 43 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
         2. ผู้ใดได้กล่าวอ้างว่าหรือแสดงตนว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือมีสิทธิ์ขอรับใบอนุญาตทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจากคุรุสภา และหากสถานศึกษาและผู้ไม่ได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษาในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าฝ่าฝืนมาตรา 46 หรือฝ่าฝืนคำสั่งพักใบอนุญาตตามมาตรา 56 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10. ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติวิชาชีพควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต กฎหมายกำหนดโทษไว้อย่างไรบ้าง
จงอธิบาย
ตอบ ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติวิชาชีพควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตมีลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าฝ่าฝืนมาตรา
43 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 78)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อนุทินที่ 8

อนุทินที่ 8 1. ใครเป็นผู้ที่สนองพระราชโองการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พุทธศักราช 2546 ตอบ    พันตำรวจโท ทักษิณ   ชินวัตร นายกรัฐม...