วันอังคาร, กันยายน 18, 2561

อนุทินที่ 7



1. หน่วยงานทางการศึกษากับสถานศึกษาในพระราชบัญญัตินี้ จงบอกเหตุผลว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ หน่วยงานทางการศึกษาต่างกันกับสถานศึกษา เนื่องจากหน่วยงานการศึกษา คือ สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน แหล่งเรียนรู้ตามประกาศของเขตพื้นที่ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ หรือตามประกาศกระทรวง หรือตามที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด ส่วนสถานศึกษา คือ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยโรงเรียน ศูนย์การศึกษาพิเศษ ศูนย์การศึกษานอกระบบ และตามอัธยาศัย ศูนย์การเรียนวิทยาลัย วิทยาลัยชุมชน สถาบัน หรือสถานศึกษาอื่นตามกฎหมายการศึกษาแห่งชาติและตามประกาศกระทรวง
2. ตัวย่อ คำว่า ก.ค.ศ และ อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษา เขียนคำเต็มคืออะไร ประกอบด้วยใครบ้าง มีหน้าที่สำคัญทำอะไรบ้าง
ตอบ ก.ค.ศ. ย่อมาจากคำว่า คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 
          ประกอบด้วย
          1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
          2. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน
          3. กรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน คือ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
         4. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 คน
         5. กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้มาจากการเลือกตั้งจำนวน 12 คน
          หน้าที่สำคัญ
          คือ สำนักนโยบายและวางแผนอัตรากำลัง เสนอแนะให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรี พิจารณาวินิจฉัยตีความปัญหา พัฒนาหลักเกณฑ์วิธีการและมาตรฐานการบริหารงานบุคคล กำหนดวิธีเงื่อนไขในการบรรจุแต่งตั้ง ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างขวัญกำลังใจยกย่องเชิดชูเกียรติ จัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่นพิจารณาตั้ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาและอนุกรรมการอื่น
       อ.ก.ค.ศ. ย่อมาจากคำว่า คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา แบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
          ประกอบด้วย
         1. ประธานอนุกรรมการซึ่งอนุกรรมการเลือกกันเองจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 1 คน
         2. อนุกรรมการโดยตำแหน่งจำนวน 2 คน
         3. อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 4 คน
         4.  อนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหรือ
มัธยมศึกษา แล้วแต่กรณี จำนวน 3 คน
          หน้าที่สำคัญ
          คือ พิจารณากำหนดนโยบายการบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่การศึกษา พิจารณาให้ความเห็นชอบการบรรจุแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการทางวินัย การออกราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์  ส่งเสริม สนับสนุน เสริมสร้างขวัญกำลังใจ และกำกับดูแลติดตามประเมินผล การบริหารงานบุคคล
3. ผู้ที่จะมาประกอบอาชีพรับราชการเป็นข้าราชการครู จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ คุณสมบัติของข้าราชการครู คือ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบหรือโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ไม่เป็นผู้บกพร่องศีลธรรมอันดี ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เป็นผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกเว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดจากความประมาทหรือลหุโทษ และไม่เป็นผู้ถูกลงโทษให้ออกปลดออกหรือไล่ออกจากหน่วยงาน
4. โรคที่ต้องห้ามสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพครู มีโรคอะไรบ้าง
ตอบ โรคที่ต้องห้าม ได้แก่ โรคเรื้อนในระยะติดต่อ หรือระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม วัณโรคในระยะติดต่อ โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคยาเสพติดให้โทษ และโรคพิษสุราเรื้อรัง
5. ตำแหน่งครู ที่มีวิทยฐานะ มีกี่ตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งได้เท่าไร ได้รับอย่างไร
ตอบ ตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะมีทั้งหมด 4 ตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งได้รับอัตราเงินวิทยฐานะดังนี้
           1. ครูชำนาญการ ได้รับอัตราเงินวิทยฐานะ 3,500 บาท
           2. ครูชำนาญการพิเศษ ได้รับอัตราเงินวิทยฐานะ 5,600 บาท
           3. ครูเเชี่ยวชาญ ได้รับอัตราเงินวิทยฐานะ 9,900 บาท
           4. ครูเชี่ยวชาญพิเศษ ได้รับอัตราเงินวิทยฐานะ 13,000 บาท
6. โทษทางวินัยกฎหมายกำหนดไว้กี่สถาน มีอะไรบ้าง
ตอบ โทษทางวินัยกฎหมายกำหนดไว้ 5 สถาน ได้แก่
           1. ภาคทัณฑ์
           2. ตัดเงินเดือน
           3. ลดขั้นเงินเดือน
           4. ปลดออก
           5. ไล่ออก
7. การบรรจุแต่งตั้งตำแหน่งวิทยฐานะเชี่ยวชาญ มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร
ตอบ กรณีดำเนินการสอบแข่งขันให้บรรจุแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันโดยมีรายละเอียดดังนี้
             1. ผู้สมัครสอบต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 และมีคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งตามมาตรา 42 
             2. ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามอบหมายเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันได้
             3. หลักสูตร วิธีดำเนินการ เกณฑ์การตัดสิน การขึ้นบัญชี และการยกเลิกบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ให้เป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
             4. ก.ค.ศ. อาจกำหนดให้ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา บางตำแหน่งเป็นสัญญาจ้างปฏิบัติงานรายปีหรือกำหนดเวลาหรือเป็นพนักงานราชการ      
8. หลักในการเลื่อนขั้นเงินเดือน มีอะไรบ้าง
ตอบ หลักในการเลื่อนขั้นเงินเดือนมีดังนี้
            1. ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณา
            2. ให้ใช้ยึดหลักคุณธรรม มีความเที่ยงธรรม เปิดเผย โปร่งใส
            3. ให้พิจารณาจากผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก
            4. ให้พิจารณาความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
            5. ให้พิจารณาผลการปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนเป็นหลัก
            6. หลักเกณฑ์และวิธีการเลื่อนขั้นเงินเดือนให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ.เมื่อได้ดำเนินตามหลักเกณฑ์และวิธีการแล้วให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เป็นผู้สั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน
9. ข้าราชการครูผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคับข้องใจเนื่องจากการกระทำของผู้บังคับบัญชาในเขตพื้นที่การศึกษา จะต้องดำเนินการอย่างไร
ตอบ ข้าราชการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคับข้องใจเนื่องจากการกระทำของผู้บังคับบัญชาในเขตพื้นที่การศึกษา ให้ผู้นั้นมีสิทธิ์ร้องทุกข์ต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ที่ก..ค.ศ.ตั้งหรือก.ค.ศ. แล้วแต่กรณี มติของ   ก.ค.ศ. ตามวรรคสอง ไห้เป็นที่สุด (เพิ่มเติมโดยมาตรา 15 พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 (มาตรา 123) การร้องทุกข์หากตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้นั้นมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีการพิจารณาคดีปกครองเมื่อศาลพิจารณาแล้วก็ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการแก้ไขคำสั่งไปตามนั้น (มาตรา 125)

10. จงบอกเหตุผลในการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2547 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ทั้ง 3 ฉบับ
ตอบ เหตุผลในการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้ง 3 ฉบับเนื่องจากมีการยกเลิกกฎหมายแต่ละฉบับดังนี้
         ฉบับที่ 1 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูพ.ศ 2523 ที่ใช้อยู่ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และหลักการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้เอกภาพทางด้านนโยบายการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมดจึงมีความจำเป็นต้องตรากฎหมายฉบับนี้ขึ้น
         ฉบับที่ 2 บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษารวมทั้งบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องมีความไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันทำให้งานบริหารงานบุคคลเป็นโดยล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพควรปรับปรุงแก้ไขปัญหาอุปสรรคจึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
          ฉบับที่ 3 ได้มีการปรับปรุงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลยเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพื่อรับผิดชอบงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจำเป็นต้องปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สอดคล้องกับการบริหารงานบุคคลของเขตพื้นที่ทั้งสองจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี่ขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อนุทินที่ 8

อนุทินที่ 8 1. ใครเป็นผู้ที่สนองพระราชโองการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พุทธศักราช 2546 ตอบ    พันตำรวจโท ทักษิณ   ชินวัตร นายกรัฐม...